ต้องเกริ่นก่อนว่า ในสังคมปัจจุบันของเรา
เกิดความขัดแย้งกันมากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขัดแย้งทางการเมือง
การขัดแย้งกันในครอบครัว การขัดแย้งกันระหว่างสถานบันกานศึกษา และอื่นๆ อีกมากมายไม่รู้จบ
และมีหลายกรณีที่มีใช้ความรุนแรงเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งปรากฏให้เห็นตามสื่อต่างๆ การแก้ปัญหาโดยอารมณ์ชั่ววูบแบบนี้ อาจนำมาซึ่งการสูญเสียทั้งชีวิต
และทรัพย์สินของตนเอง ผู้ที่ตนรัก หรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง(ลูกหลง) ก็อาจได้รับผลกระทบไปด้วย
ซึ่งปัญหาเหล่านี้ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
จริงหรือ??
ที่ความขัดแย้งเกิดจากการขาด “มนุษยธรรม” เรามาหาคำตอบกันดีกว่าครับ
เข้าประเด็นกันต่อเลยดีกว่าครับ หัวข้อในการอบรมครั้งนี้ คือ กฎหมายมุนษยธรรมระหว่างประเทศซึ่งหลายคนอาจมองเป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้ว เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามาก ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยลดความขัดแย้งมากมายหลายด้านลงได้ โดยเนื้อหาการอบรมครั้งนี้ เรามุ่งเน้นการให้ความรู้ในเรื่องของการลดความขัดแย้งผ่านรูปแบบกิจกรรม และการจำลองเหตุการณ์ในแบบต่างๆ ซึ่งได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลและเผยแพร่กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศโดยตรง สำหรับรูปแบบของกิจกรรมนั้น จะสอดแทรกเรื่องของการมีมนุษยธรรมต่อเพื่อนร่วมโลก การมีจิตอาสาพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือผู้อื่น การสอนให้ทุกคนเห็นถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของมนุษย์ที่มีอยู่ในตัวเองทุกคน และทุกคนควรเคารพซึ่งศักดิ์ศรีที่แต่ละคนมี ผมรู้สึกโดนใจกับคำพูดของท่านวิทยากร ที่บอกว่า “ศักดิ์ศรีของเราอยู่ที่หัว ถ้าเราไม่อยากโดนเขาตบหัว เราก็อย่าไปตบหัวเขาก่อน” ถ้าคิดกันแบบนี้ ปัญหาการตีกันของนักเรียนคงลดลง เนื้อหาสำคัญของการอบรมในครั้งนี้อีกอย่างหนึ่งคือ การสะท้อนให้เห็นถึงการสูญเสียเมื่อนำความรุนแรงมาใช้ในการแก้ไขความขัดแย้ง
นอกจากนี้ ในระหว่างการอบรม
ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้เข้าอบรม ได้ถามถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้
และการจะนำไปเผยแพร่ให้กับเยาวชนอย่างไร
นางสาวนารถฤดี รักขันโท
ครูกศน.เขตยานาวา กล่าวว่า จากการที่ได้เข้าร่วมการอบรมฯ ในครั้งนี้ ได้ทราบถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศชัดเจนมากขึ้น
โดยเฉพาะไม่ว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน
เราก็จะใช้หลักมนุษยธรรมเข้าช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สำหรับการนำไปเผยแพร่ต่อนั้น
ก็จะนำหลักมนุษยธรรมไปสอดแทรกในการเรียนการสอน
ให้นักศึกษาได้รู้จักคำว่ามนุษยธรรมอย่างเที่ยงแท้ต่อไป
นางสุพรรณนา ทองจำนงต์
ครูโรงเรียนราชินี กล่าวว่า ได้รับความรู้เรื่องของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศเพิ่มเติม
ซึ่งถือว่าเป็นความรู้ที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันและคงทนมาก
ที่สำคัญได้ทราบถึงเทคนิคกระบวนการต่างๆ ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรม
สำหรับความรู้ที่ได้รับการอบรม จะนำไปเผยแพร่ ให้กับนักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
ถึงมัธยมศึกษา ไม่ว่าจะเป็นประวัติกาชาด หรือกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
เราจะสอดแทรกกิจกรรมต่างๆ ให้ตรงตามวัยของนักเรียนต่อไป
นายธราธร ประคองสุข
วิทยาจารย์สำนักงานยุวกาชาด กล่าวว่า การนำหลักมนุษยธรรมไปใช้ในการดำรงชีวิต เช่น
ถ้าเราต้องการจะช่วยผู้อื่น เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักมนุษยธรรม แต่ถ้าสถานการณ์ ณ
จุดนั้น ไม่เอื้ออำนวย การช่วยเหลือมีหลายรูปแบบ
แต่สิ่งที่สำคัญต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของการช่วยเหลือ
ในฐานะที่เป็นวิทยาจารย์ของสำนักงานยุวกาชาด
ถ้าผมได้มีโอกาสไปการอบรมในพื้นที่ต่างๆ
ก็จะสอดแทรกเนื้อหาเรื่องหลักมนุษยธรรมให้กับอาสายุวกาชาดต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น